วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตก่อตั้งโดยมติที่ประชุมกรรมการสภามหาวิทยาลัยรังสิต เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2532 และทบวงมหาวิทยาลัยได้อนุญาตให้ดำเนินการรับนักศึกษาและเปิดการเรียนการสอนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2532 จึงถือเป็นคณะ/วิทยาลัยที่จัดตั้งขึ้นเป็นลำดับที่ 12 ของมหาวิทยาลัยรังสิต และเป็นโรงเรียนแพทย์แห่งที่ 9 ของประเทศไทย เริ่มเปิดรับนักศึกษาแพทย์ รุ่นที่ 1 ปีการศึกษา 2532 ซึ่งต่อมาแพทยสภาได้รับรองหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตในการประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ครั้งที่ 2/2537 เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2537 โดยกำหนดหลักการให้มีการจัดตั้งมูลนิธิเป็นเงื่อนไขในการเปิดดำเนินการของโรงเรียนแพทย์เอกชน โดยมีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการเรียนการสอนของหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ให้ผลิตบัณฑิตแพทย์ที่มีคุณภาพตามที่กำหนด เป็นผลให้ในเวลาต่อมา ได้มีการลงนามข้อตกลงการร่วมผลิตแพทย์ภาคคลินิก ระหว่างกรมการแพทย์ และมหาวิทยาลัยรังสิต ในวันที่ 15 มีนาคม 2537 โดยร่วมกันจัดตั้งสถาบันร่วมผลิตแพทย์ระหว่างกรมการแพทย์ และมหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อรับผิดชอบในการจัดการเรียนการสอนในภาควิชาคลินิก (นักศึกษาแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ชั้นปีที่ 4, 5 และ 6) ทั้งหมด และการจัดตั้งมูลนิธิสถาบันร่วมผลิตแพทย์ กรมการแพทย์และมหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อเป็นกองทุนรับผิดชอบในการดำเนินการร่วมผลิตแพทย์ ของมหาวิทยาลัยรังสิต [2]จึงถือเป็นสถาบันแพทยศาสตร์ของประเทศไทยโดยสมบูรณ์
เดือนกุมภาพันธ์ 2539 มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ทำสัญญาความร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ตลอดจนการแลกเปลี่ยนนักศึกษา และได้จัดสัมมนาเรื่อง "การประกันคุณภาพแพทยศาสตรศึกษา" ระหว่างคณาจารย์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กับคณะแพทยศาสตร์ ทุกคณะในประเทศไทย
เดือนตุลาคม 2539 ได้มีการปรับปรุงการเรียนการสอนตามหลักสูตร เพื่อตอบสนองต่อการพัฒนาการของวิชา และความก้าวหน้าของวิทยากร ทบวงมหาวิทยาลัยจึงอนุญาตให้รับนักศึกษาเพิ่มจากปีละ 48 คน เป็นปีละ 100 คน ตั้งแต่ปีการศึกษา 2539
พ.ศ. 2541 มหาวิทยาลัยรังสิต มีนโยบายปรับปรุงวิชาในหมวดการศึกษาทั่วไปของหลักสูตรระดับปริญญาบัณฑิตให้อยู่ในโครงสร้างอันเดียวกัน และปรับปรุงระบบการศึกษาจากระบบทวิภาคเป็น ระบบไตรภาค วิทยาลัยแพทยศาสตร์จึงได้ปรับหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตใหม่จากระบบทวิภาคเป็นระบบไตรภาคตามโครงการที่มหาวิทยาลัยกำหนด เพื่อให้เป็นแนวทางจัดการเรียนการสอนในหลักสูตร ในปีการศึกษา 2542 ได้รับอนุมัติตลอดหลักสูตร 6 ปี เท่ากับ 263 หน่วยกิต ตามระบบทวิภาคซึ่งจะเท่ากับ 328 หน่วยกิต ตามระบบไตรภาค
พ.ศ. 2544 มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ปรับระบบการศึกษาจากระบบไตรภาคเป็นระบบทวิภาค วิทยาลัยแพทยศาสตร์จึงได้ปรับปรุงหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตใหม่จากระบบ ไตรภาคเป็นทวิภาคตามเดิมคือ 263 หน่วยกิต ตั้งแต่ปีการศึกษา 2544 เป็นต้นไป
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2545 คณะแพทยศาสตร์ ได้ยกระดับเป็น วิทยาลัยแพทยศาสตร์ เพื่อให้มีการบริหารงาน การจัดการและการพัฒนาเช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนระดับโลก ตามประกาศของมหาวิทยาลัยรังสิต เรื่อง ปรับปรุงโครงสร้างการบริหารและการบังคับบัญชา
ในปีการศึกษา 2549 ได้ปรับปรุงหลักสูตรให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับปริญญาตรี พ.ศ. 2548 และมีหน่วยกิตตลอดหลักสูตร 251 หน่วยกิต
ปีการศึกษา 2550 วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตได้เพิ่มแนวทางการรับนักศึกษาแพทย์จากจากเดิมเพียงผ่านระบบการคัดเลือกส่วนกลาง โดยเข้าร่วมกับกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) และยังคงมีสัดส่วนจำนวนรับร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)เช่นเดิม
ปัจจุบัน มีบัณฑิตแพทย์จำนวนมากมายที่สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งปฏิบัติงานในการสร้างเสริมสุขภาพให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ ในหน่วยงานต่างๆ ดังนี้ โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ทหารบก โรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ทหารเรือ โรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ทหารอากาศ โรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โรงพยาบาลในสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลเอกชน
การรับบุคคลเข้าศึกษาในหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต[แก้]
การรับบุคคลเข้าศึกษาในหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต ของทางวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต มีจำนวนทั้งสิ้น 4 โครงการ และอีก 1 โครงการย่อย ดังนี้
โครงการสอบตรงผ่านการสอบคัดเลือกของมหาวิทยาลัยรังสิต ครั้งที่ 1
เป็นการสอบเข้าโดยใช้ข้อสอบที่มหาวิทยาลัยรังสิตเป็นผู้ออกข้อสอบเอง และจัดสอบเอง ไม่เกี่ยวข้องกับส่วนกลาง โดยจะเปิดรับสมัครประมาณเดือนกันยายน และจะทำการสอบในปลายเดือนตุลาคม ของทุกปี
โครงการรับตรงสำหรับนักเรียนโรงเรียนนานาชาติ
เป็นโครงการย่อยที่อยู่ในโครงการรับตรง ครั้งที่ 1 โดยจะรับสมัครนักเรียนที่จบหลักสูตรจากโรงเรียนนานาชาติ หรือต่างประเทศ โดยใช้ผลการเรียน การสัมภาษณ์ และการทำข้อสอบวิชาเฉพาะแพทย์ เพื่อคัดบุคคลเข้าศึกษาต่อในวิทยาลัย
ระบบแอดมิดชันกลางโดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
โครงการนี้จะรับนักศึกษาแพทย์ผ่านทาง สกอ. โดยที่จะใช้คะแนน [GAT 20%], [PAT2 30%] และ GPA ของนักศึกษาในการคิด ซึ่งจะคิดในระบบของวิทยาศาสตร์การแพทย์ จากนั้นให้ยื่นผ่านทางระบบแอดมิสชั่น เข้าวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต โดยปกติจะทำการสมัครในเดือนเมษายนของทุกปี
ระบบแอดมิดชันตรง ร่วมกับกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.)[3] เป็นโครงการที่เปิดเพิ่มเติมขึ้นมาอีกโครงการรบนักศึกษาแพทย์ ในปีการศึกษา 2550[4] โดยจะใช้คะแนน A-Net เป็นหลักในการคำนวณคะแนน และใช้คะแนน O-Net เป็นข้อบังคับพื้นฐาน 60% จากนั้นจะยื่นผ่าน กสพท. เข้ามา ในปกติจะรับสมัครในเดือนสิงหาคม และประกาศผลในเดือนเมษายน-พฤษภาคมของทุกปี
โครงการสอบตรงผ่านการสอบคัดเลือกของมหาวิทยาลัยรังสิต ครั้งที่ 2
ลักษณะของโครงการรับนักศึกษาจะเหมือนกัน โครงการรับตรงผ่านการสอบเข้าของมหาวิทยาลัยรังสิต ครั้งที่ 1 แต่จะเปิดรับสมัครในเดือนพฤศจิกายน และทำการสอบในเดือนพฤษภาคม ของทุกปี
การศึกษา
การเรียนการสอนในวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต แบ่งออกเป็น 2 ระดับ ดังนี้
การเรียนในภาคปรีคลินิก[แก้]
มีการเรียนการสอนส่วนใหญ่จะเน้นด้านวิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐาน เป็นการปูพื้นฐานเพื่อจะนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในภาคคลินิก ซึ่งรับผิดชอบโดยคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งอาจารย์จากคณะวิทยาศาสตร์สอนเป็นหลัก โดยอาจารย์แพทย์จากวิทยาลัยแพทยศาสตร์ สถาบันร่วมผลิตแพทย์ฯ ซึ่งเป็นแพทย์ของโรงพยาบาลราชวิถีและสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ร่วมสอนด้วย นอกจากนี้ยังมีอาจารย์พิเศษจากโรงเรียนแพทย์ต่างๆมาบรรายายในหัวข้อต่างๆ ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้พื้นที่เรียนในอาคารวิทยาศาสตร์ (อาคาร 4) ภายในพื้นที่มหาวิทยาลัยรังสิต และอาคารสถาบันร่วมผลิตแพทย์ กรมการแพทย์-มหาวิทยาลัยรังสิต ภายในพื้นที่โรงพยาบาลราชวิถี เมื่อเรียนจบวิชาพยาธิวิทยา ซึ่งเป็นวิชาสุดท้ายของการเรียนในภาคปรีคลินิก ประมาณเดือนพฤศจิกายน นักศึกษาแพทย์จะย้ายมาเรียนภาคคลินิกที่โรงพยาบาลราชวิถีต่อไป
การเรียนในภาคคลินิก[แก้]
การเรียนในภาคคลินิกรับผิดชอบโดย สถาบันร่วมผลิตแพทย์ กรมการแพทย์-มหาวิทยาลัยรังสิต โดยจะเรียนกับอาจารย์สังกัดกรมการแพทย์ ของโรงพยาบาลราชวิถีและ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี(รพ.เด็ก) และฝึกปฏิบัติการภาคคลินิกในหอผู้ป่วยของโรงพยาบาลทั้ง 2 ซึ่งในภาคคลินิกนี้จะเน้นในการฝึกปฏิบัติการหรือการทำหัตถการเป็นส่วนใหญ่ควบคู่ไปกับการเรียนภาคบรรยาย และในการฝึกภาคสนามชั้นปีที่ 6 นั้น จะฝึกที่โรงพยาบาลเมืองฉะเชิงเทรา โรงพยาบาลสนามชัยเขต โรงพยาบาลพนมสารคามจังหวัดฉะเชิงเทรา และ โรงพยาบาลศรีมหาโพธิ์ จังหวัดปราจีนบุรี สถานที่จัดการเรียนการสอนของวิทยาลัยแพทยศาสตร์[แก้]
วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต มีพื้นที่ในส่วนต่างๆ ดังนี้
สถานที่ภายในมหาวิทยาลัยรังสิต[แก้]
ห้องสโมรสรนักศึกษาแพทย์มหาวิทยาลัยรังสิต

ห้องสโมสรนักศึกษาแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต
ห้องสโมสรนักศึกษาแพทย์มหาวิทยาลัยรังสิต อยู่ภายในอาคารรูปสี่เหลี่ยมที่ตั้งระหว่างอาคารวิทยาศาสตร์ (ตึก 4) และอาคารวิษณุรัตน์ (ตึก 5) ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอาคารวิษณุรัตน์ (ตึก 5/1) โดยอาคารแห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อปีการศึกษา 2550 เพื่อใช้เป็นห้องสโมสรของนักศึกษาคณะต่างๆ ทั้งสิ้น 4 คณะ โดยที่ทางมหาวิทยาลัยได้มอบห้องสโมสรนักศึกษาให้แก่วิทยาลัยแพทยศาสตร์ ทั้งหมด 3 ห้อง เพื่อใช้ทำกิจกรรม, ประชุมงาน หรือเป็นที่อ่านหนังสือสำหรับนักศึกษาแพทย์โดยเฉพาะ
อาคารปฏิบัติการวิทยาลัยแพทยศาสตร์
เป็นอาคารที่ใช้ร่วมกับคณะทันตแพทยศาสตร์ ซึ่งทางวิทยาลัยแพทยศาสตร์ได้พื้นที่ในส่วนด้านตะวันออก อาคารนี้สร้างเสร็จเมื่อปลายปีการศึกษา 2550 และพร้อมใช้งานได้ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2551 ที่จะถึงนี้ ซึ่งทางวิทยาลัยแพทยศาสตร์วางแผนที่จะเปิดสำนักงานถาวรของวิทยาลัยฯ ในอาคารนี้ และนอกจากนี้จะมีห้องไว้สำหรับอ่านหนังสือ, ประชุม, สืบค้นข้อมูล และอื่นๆ สำหรับนักศึกษาแพทย์
สถานที่ภายในโรงพยาบาลราชวิถี[แก้]
สถาบันร่วมผลิตแพทย์ กรมการแพทย์-มหาวิทยาลัยรังสิต
อาคารสถาบันร่วมผลิตแพทย์ฯ หรือ อาคารประสิทธิ์ อุไรรัตน์ เป็นสถานที่ของสถาบันร่วมผลิตแพทย์ฯ ไม่ได้ถือเป็นสถานที่ของวิทยาลัยแพทยศาสตร์โดยตรง แต่สร้างโดยงบประมาณของมหาวิทยาลัยรังสิต ที่มอบเป็นทุนประเดิมให้แก่ มูลนิธิสถาบันร่วมผลิตแพทย์ กรมการแพทย์-มหาวิทยาลัยรังสิตเพื่อเป็นศูนย์กลางในการจัดการเรียนการสอน และประสานงานระหว่างกรมการแพทย์และมหาวิทยาลัยรังสิตเพื่อพัฒนาคุณภาพนักศึกษาแพทย์ ในระยะยาวที่ส่งเข้ามาเรียนในความรับผิดชอบของสถาบันร่วมผลิตแพทย์ฯ ปัจจุบันตั้งอยู่ภายในเขต โรงพยาบาลราชวิถีบริเวณด้านฝั่งถนนพญาไท ติดกับทางด้านสถานีรถไฟฟ้าBTS สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีลักษณะโครงสร้างเป็นอาคารสูง 6 ชั้น หลังก่อสร้างเสร็จคุณพ่อประสิทธิ์ อุไรรัตน์ ได้มอบ พระพุทธรูปปางป่าเรไรประทานพร ประดิษฐานเป็นศูนย์รวมจิตใจของนักศึกษาแพทย์ ที่โถงชั้นล่างของอาคาร และแต่ละชั้นแบ่งพื้นที่การใช้สอยโดยโดยแบ่งดังนี้
ชั้นที่ 1 เป็นห้องเรียนภาคบรรยาย จำนวน 3 ห้องเรียน และมีห้องเรียนภาคปฏิบัติ "ห้องปฏิบัติการ ศ.นพ.ประสงค์ ตู้จินดา"จำนวน 1 ห้อง และร้านถ่ายเอกสาร
ชั้นที 2 เป็นสำนักงานของสถาบันร่วมผลิตแพทย์ฯ,สำนักงานคณบดี และห้องประชุมย่อย จำนวน 1 ห้อง
ชั้นที่ 3 เป็นสำนักงานวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต, ห้องสมุดสถาบันร่วมฯ และห้องประชุมอาทิตย์ อุไรรัตน์ เป็นห้องประชุมพื้นยกระดับขนาดใหญ่ เพื่อใช้ในการเรียนการสอน การประชุมต่างๆ ของสถาบันร่วมผลิตแพทย์ฯ
ชั้นที่ 4 เป็นห้องประชุมสโมสรนักศึกษาแพทย์, ห้องบรรยายขนาดเล็ก, ห้องพักผ่อน, เครื่องออกกำลังกาย และกั้นพื้นที่เป็นหอพักหญิง
ชั้นที่ 5 เป็นบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ ห้องอ่านหนังสือ และหอพักชาย
ชั้นที่ 6 เป็นหอพักหญิง
สถาบันร่วมผลิตแพทย์ กรมการแพทย์-มหาวิทยาลัยรังสิต[แก้]
ประวัติการจัดตั้ง [5] วิทยาลัยรังสิต มีหนังสือที่ วรส 595/2531 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2531 ถึงทบวงมหาวิทยาลัย ขออนุญาตเปิดดำเนินการหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต และได้มีหนังสือที่ วรส. 216/2531 ลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2531 ถึงสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ขอความร่วมมือ ให้นักศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ เข้าฝึกปฏิบัติงาน ณ โรงพยาบาลเด็ก (ปัจจุบันเป็น สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี) โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลชุมชน และสถานีอนามัยต่างๆ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาอนุมัติในหลักการให้สถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ฝึกปฏิบัติงาน สำหรับนักศึกษาวิทยาศาสตร์สุขภาพได้ สำหรับโรงพยาบาลเด็ก และโรงพยาบาลราชวิถี นั้น สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ขอความร่วมมือไปยังกรมการแพทย์ ในการอนุมัติสถานที่ดังกล่าวแล้ว โดยแจ้งให้มหาวิทยาลัยรังสิตทราบ ตามหนังสือ ที่ สธ 0212/4 - 4/636 เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2531 ทบวงมหาวิทยาลัยอนุมัติให้วิทยาลัยรังสิต (ต่อมาได้รับการเปลี่ยนประเภทเป็นมหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2533) เปิดดำเนินการหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ในปีการศึกษา 2532 ต่อมา สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มีหนังสือถึงมหาวิทยาลัยรังสิต ที่ สธ 0301/5339 ลงวันที่ 6 ธันวาคม 2532 แจ้งให้ทราบโดยสรุปว่า
1.ควรให้โรงพยาบาลราชวิถีและโรงพยาบาลเด็ก (ปัจจุบันเป็น สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี) เป็นสถานที่สมทบในการศึกษาของมหาวิทยาลัยรังสิต
2.โรงพยาบาลทั้งสองของกรมการแพทย์ มีความสามารถเฉพาะในการให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงานทางคลินิกของนักศึกษา
3.กรมการแพทย์ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ ให้ข้าราชการของกรมการแพทย์ ไปบรรยายนอกสถานที่ให้แก่ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ ตามมติของคณะรัฐมนตรี ที่ สร 0201/ว 144 ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2518 โดยจะอนุญาตให้ข้าราชการไปสอนพิเศษในมหาวิทยาลัยเอกชนในเวชาราชการได้ไม่เกิน 4 ชั่วโมงสอนต่อสัปดาห์
4.กรมการแพทย์ได้มีหนังสือที่ สธ 0305/8385 ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2534 ถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี มอบหมายให้โรงพยาบาลราชวิถี ให้ความร่วมมือในการฝึกอบรมนักศึกษาแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดไว้ในหนังสือทั้งสองฉบับดังกล่าว
เมื่อแรกเริ่มมีการเรียนในภาคคลินิกในปี พ.ศ. 2535 ได้มีการประชุมเพื่อแก้ปัญหาในการจัดการเรียนการสอนในภาคคลินิก และจัดประชุมแพทยศาสตร์ศึกษาแห่งประเทศไทยขึ้น ซึ่งในสมัยนั้น มี นพ.ไพโรจน์ นิงสานนท์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.สุจินต์ ผลากรกุล อธิบดีกรมการแพทย์ ได้มีแนวคิดในการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อจัดการประสานความมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการผลิตแพทย์ตามรูปแบบแนวคิดการผลิตแพทย์ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นโรงเรียนแพทย์เอกชนที่ร่วมมือในการผลิตแพทย์กับภาครัฐ และได้มีการประชุมประสานงานอีกหลายครั้ง จนกระทั่งปี พ.ศ. 2536 กรมการแพทย์และกระทรวงสาธารณสุขมีมติเห็นชอบให้มีการจัดตั้ง สถาบันร่วมผลิตแพทย์ กรมการแพทย์-มหาวิทยาลัยรังสิต ในขณะนั้น ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (พ.ศ. 2536-2538) และได้มีการร่วมลงนามในข้อตกลงการร่วมผลิตแพทย์ระหว่างกรมการแพทย์ (โดย พล.รต.ศ.นพ.วิทุร แสงสิงแก้ว อธิบดีกรมการแพทย์ในสมัยนั้น) กับมหาวิทยาลัยรังสิต (โดยนายประสิทธิ์ อุไรรัตน์ นายกสภามหาวิทยาลัยรังสิต และผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยเป็นผู้ลงนาม) เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2537 ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาและเปิดดำเนินนการเรียนกการสอนในภาคคลินิกได้อย่างสมบูรณ์และผลิตแพทย์เอกชน ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพจากอาจารย์ของกรมการแพทย์
ด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการร่วมกันระหว่างกรมการแพทย์ และมหาวิทยาลัยรังสิต จัดตั้งเป็นสถาบันร่วมผลิตแพทย์ กรมการแพทย์-มหาวิทยาลัยรังสิต โดยโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ซึ่งสังกัดกรมการแพทย์ จึงเป็นสถานที่เรียนในภาคทฤษฎีและหัตถการต่างๆ ในภาคคลินิก พร้อมทั้งอาจารย์แพทย์ของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่งจำนวนกว่า 258 ท่าน ได้อุทิศทุ่มเทกำลังเป็นหลักในการสอนนักศึกษาแพทย์จากมหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะที่บุคลากรของกรมการแพทย์ด้วยใจและจิตวิญญาณของความเป็นอาจารย์แพทย์ นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลอีก 4 แห่ง ที่ร่วมเป็นสถานที่ฝึกภาคสนามเฉพาะของนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 6 (extern) ในต่างจังหวัด พร้อมทั้งมีอาจารย์แพทย์คอยถ่ายทอดความรู้ให้กับนักศึกษาแพทย์ด้วยประสบการตรง ชึ่งจะเวียนออกฝึกภาคสนามเป็นผลัด ผลัดละ 2 เดือน ในปีการศึกษาสุดท้าย
วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตก่อตั้งโดยมติที่ประชุมกรรมการสภามหาวิทยาลัยรังสิต เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2532 และทบวงมหาวิทยาลัยได้อนุญาตให้ดำเนินการรับนักศึกษาและเปิดการเรียนการสอนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2532 จึงถือเป็นคณะ/วิทยาลัยที่จัดตั้งขึ้นเป็นลำดับที่ 12 ของมหาวิทยาลัยรังสิต และเป็นโรงเรียนแพทย์แห่งที่ 9 ของประเทศไทย เริ่มเปิดรับนักศึกษาแพทย์ รุ่นที่ 1 ปีการศึกษา 2532 ซึ่งต่อมาแพทยสภาได้รับรองหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตในการประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ครั้งที่ 2/2537 เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2537 โดยกำหนดหลักการให้มีการจัดตั้งมูลนิธิเป็นเงื่อนไขในการเปิดดำเนินการของโรงเรียนแพทย์เอกชน โดยมีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการเรียนการสอนของหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ให้ผลิตบัณฑิตแพทย์ที่มีคุณภาพตามที่กำหนด เป็นผลให้ในเวลาต่อมา ได้มีการลงนามข้อตกลงการร่วมผลิตแพทย์ภาคคลินิก ระหว่างกรมการแพทย์ และมหาวิทยาลัยรังสิต ในวันที่ 15 มีนาคม 2537 โดยร่วมกันจัดตั้งสถาบันร่วมผลิตแพทย์ระหว่างกรมการแพทย์ และมหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อรับผิดชอบในการจัดการเรียนการสอนในภาควิชาคลินิก (นักศึกษาแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ชั้นปีที่ 4, 5 และ 6) ทั้งหมด และการจัดตั้งมูลนิธิสถาบันร่วมผลิตแพทย์ กรมการแพทย์และมหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อเป็นกองทุนรับผิดชอบในการดำเนินการร่วมผลิตแพทย์ ของมหาวิทยาลัยรังสิต [2]จึงถือเป็นสถาบันแพทยศาสตร์ของประเทศไทยโดยสมบูรณ์
เดือนกุมภาพันธ์ 2539 มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ทำสัญญาความร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ตลอดจนการแลกเปลี่ยนนักศึกษา และได้จัดสัมมนาเรื่อง "การประกันคุณภาพแพทยศาสตรศึกษา" ระหว่างคณาจารย์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กับคณะแพทยศาสตร์ ทุกคณะในประเทศไทย
เดือนตุลาคม 2539 ได้มีการปรับปรุงการเรียนการสอนตามหลักสูตร เพื่อตอบสนองต่อการพัฒนาการของวิชา และความก้าวหน้าของวิทยากร ทบวงมหาวิทยาลัยจึงอนุญาตให้รับนักศึกษาเพิ่มจากปีละ 48 คน เป็นปีละ 100 คน ตั้งแต่ปีการศึกษา 2539
พ.ศ. 2541 มหาวิทยาลัยรังสิต มีนโยบายปรับปรุงวิชาในหมวดการศึกษาทั่วไปของหลักสูตรระดับปริญญาบัณฑิตให้อยู่ในโครงสร้างอันเดียวกัน และปรับปรุงระบบการศึกษาจากระบบทวิภาคเป็น ระบบไตรภาค วิทยาลัยแพทยศาสตร์จึงได้ปรับหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตใหม่จากระบบทวิภาคเป็นระบบไตรภาคตามโครงการที่มหาวิทยาลัยกำหนด เพื่อให้เป็นแนวทางจัดการเรียนการสอนในหลักสูตร ในปีการศึกษา 2542 ได้รับอนุมัติตลอดหลักสูตร 6 ปี เท่ากับ 263 หน่วยกิต ตามระบบทวิภาคซึ่งจะเท่ากับ 328 หน่วยกิต ตามระบบไตรภาค
พ.ศ. 2544 มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ปรับระบบการศึกษาจากระบบไตรภาคเป็นระบบทวิภาค วิทยาลัยแพทยศาสตร์จึงได้ปรับปรุงหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตใหม่จากระบบ ไตรภาคเป็นทวิภาคตามเดิมคือ 263 หน่วยกิต ตั้งแต่ปีการศึกษา 2544 เป็นต้นไป
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2545 คณะแพทยศาสตร์ ได้ยกระดับเป็น วิทยาลัยแพทยศาสตร์ เพื่อให้มีการบริหารงาน การจัดการและการพัฒนาเช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนระดับโลก ตามประกาศของมหาวิทยาลัยรังสิต เรื่อง ปรับปรุงโครงสร้างการบริหารและการบังคับบัญชา
ในปีการศึกษา 2549 ได้ปรับปรุงหลักสูตรให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับปริญญาตรี พ.ศ. 2548 และมีหน่วยกิตตลอดหลักสูตร 251 หน่วยกิต
ปีการศึกษา 2550 วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตได้เพิ่มแนวทางการรับนักศึกษาแพทย์จากจากเดิมเพียงผ่านระบบการคัดเลือกส่วนกลาง โดยเข้าร่วมกับกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) และยังคงมีสัดส่วนจำนวนรับร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)เช่นเดิม
ปัจจุบัน มีบัณฑิตแพทย์จำนวนมากมายที่สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งปฏิบัติงานในการสร้างเสริมสุขภาพให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ ในหน่วยงานต่างๆ ดังนี้ โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ทหารบก โรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ทหารเรือ โรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ทหารอากาศ โรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โรงพยาบาลในสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลเอกชน
การรับบุคคลเข้าศึกษาในหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต[แก้]
การรับบุคคลเข้าศึกษาในหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต ของทางวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต มีจำนวนทั้งสิ้น 4 โครงการ และอีก 1 โครงการย่อย ดังนี้
โครงการสอบตรงผ่านการสอบคัดเลือกของมหาวิทยาลัยรังสิต ครั้งที่ 1
เป็นการสอบเข้าโดยใช้ข้อสอบที่มหาวิทยาลัยรังสิตเป็นผู้ออกข้อสอบเอง และจัดสอบเอง ไม่เกี่ยวข้องกับส่วนกลาง โดยจะเปิดรับสมัครประมาณเดือนกันยายน และจะทำการสอบในปลายเดือนตุลาคม ของทุกปี
โครงการรับตรงสำหรับนักเรียนโรงเรียนนานาชาติ
เป็นโครงการย่อยที่อยู่ในโครงการรับตรง ครั้งที่ 1 โดยจะรับสมัครนักเรียนที่จบหลักสูตรจากโรงเรียนนานาชาติ หรือต่างประเทศ โดยใช้ผลการเรียน การสัมภาษณ์ และการทำข้อสอบวิชาเฉพาะแพทย์ เพื่อคัดบุคคลเข้าศึกษาต่อในวิทยาลัย
ระบบแอดมิดชันกลางโดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
โครงการนี้จะรับนักศึกษาแพทย์ผ่านทาง สกอ. โดยที่จะใช้คะแนน [GAT 20%], [PAT2 30%] และ GPA ของนักศึกษาในการคิด ซึ่งจะคิดในระบบของวิทยาศาสตร์การแพทย์ จากนั้นให้ยื่นผ่านทางระบบแอดมิสชั่น เข้าวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต โดยปกติจะทำการสมัครในเดือนเมษายนของทุกปี
ระบบแอดมิดชันตรง ร่วมกับกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.)[3] เป็นโครงการที่เปิดเพิ่มเติมขึ้นมาอีกโครงการรบนักศึกษาแพทย์ ในปีการศึกษา 2550[4] โดยจะใช้คะแนน A-Net เป็นหลักในการคำนวณคะแนน และใช้คะแนน O-Net เป็นข้อบังคับพื้นฐาน 60% จากนั้นจะยื่นผ่าน กสพท. เข้ามา ในปกติจะรับสมัครในเดือนสิงหาคม และประกาศผลในเดือนเมษายน-พฤษภาคมของทุกปี
โครงการสอบตรงผ่านการสอบคัดเลือกของมหาวิทยาลัยรังสิต ครั้งที่ 2
ลักษณะของโครงการรับนักศึกษาจะเหมือนกัน โครงการรับตรงผ่านการสอบเข้าของมหาวิทยาลัยรังสิต ครั้งที่ 1 แต่จะเปิดรับสมัครในเดือนพฤศจิกายน และทำการสอบในเดือนพฤษภาคม ของทุกปี
การศึกษา
การเรียนการสอนในวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต แบ่งออกเป็น 2 ระดับ ดังนี้
การเรียนในภาคปรีคลินิก[แก้]
มีการเรียนการสอนส่วนใหญ่จะเน้นด้านวิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐาน เป็นการปูพื้นฐานเพื่อจะนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในภาคคลินิก ซึ่งรับผิดชอบโดยคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งอาจารย์จากคณะวิทยาศาสตร์สอนเป็นหลัก โดยอาจารย์แพทย์จากวิทยาลัยแพทยศาสตร์ สถาบันร่วมผลิตแพทย์ฯ ซึ่งเป็นแพทย์ของโรงพยาบาลราชวิถีและสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ร่วมสอนด้วย นอกจากนี้ยังมีอาจารย์พิเศษจากโรงเรียนแพทย์ต่างๆมาบรรายายในหัวข้อต่างๆ ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้พื้นที่เรียนในอาคารวิทยาศาสตร์ (อาคาร 4) ภายในพื้นที่มหาวิทยาลัยรังสิต และอาคารสถาบันร่วมผลิตแพทย์ กรมการแพทย์-มหาวิทยาลัยรังสิต ภายในพื้นที่โรงพยาบาลราชวิถี เมื่อเรียนจบวิชาพยาธิวิทยา ซึ่งเป็นวิชาสุดท้ายของการเรียนในภาคปรีคลินิก ประมาณเดือนพฤศจิกายน นักศึกษาแพทย์จะย้ายมาเรียนภาคคลินิกที่โรงพยาบาลราชวิถีต่อไป
การเรียนในภาคคลินิก[แก้]
การเรียนในภาคคลินิกรับผิดชอบโดย สถาบันร่วมผลิตแพทย์ กรมการแพทย์-มหาวิทยาลัยรังสิต โดยจะเรียนกับอาจารย์สังกัดกรมการแพทย์ ของโรงพยาบาลราชวิถีและ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี(รพ.เด็ก) และฝึกปฏิบัติการภาคคลินิกในหอผู้ป่วยของโรงพยาบาลทั้ง 2 ซึ่งในภาคคลินิกนี้จะเน้นในการฝึกปฏิบัติการหรือการทำหัตถการเป็นส่วนใหญ่ควบคู่ไปกับการเรียนภาคบรรยาย และในการฝึกภาคสนามชั้นปีที่ 6 นั้น จะฝึกที่โรงพยาบาลเมืองฉะเชิงเทรา โรงพยาบาลสนามชัยเขต โรงพยาบาลพนมสารคามจังหวัดฉะเชิงเทรา และ โรงพยาบาลศรีมหาโพธิ์ จังหวัดปราจีนบุรี สถานที่จัดการเรียนการสอนของวิทยาลัยแพทยศาสตร์[แก้]
วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต มีพื้นที่ในส่วนต่างๆ ดังนี้
สถานที่ภายในมหาวิทยาลัยรังสิต[แก้]
ห้องสโมรสรนักศึกษาแพทย์มหาวิทยาลัยรังสิต

ห้องสโมสรนักศึกษาแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต
ห้องสโมสรนักศึกษาแพทย์มหาวิทยาลัยรังสิต อยู่ภายในอาคารรูปสี่เหลี่ยมที่ตั้งระหว่างอาคารวิทยาศาสตร์ (ตึก 4) และอาคารวิษณุรัตน์ (ตึก 5) ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอาคารวิษณุรัตน์ (ตึก 5/1) โดยอาคารแห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อปีการศึกษา 2550 เพื่อใช้เป็นห้องสโมสรของนักศึกษาคณะต่างๆ ทั้งสิ้น 4 คณะ โดยที่ทางมหาวิทยาลัยได้มอบห้องสโมสรนักศึกษาให้แก่วิทยาลัยแพทยศาสตร์ ทั้งหมด 3 ห้อง เพื่อใช้ทำกิจกรรม, ประชุมงาน หรือเป็นที่อ่านหนังสือสำหรับนักศึกษาแพทย์โดยเฉพาะ
อาคารปฏิบัติการวิทยาลัยแพทยศาสตร์
เป็นอาคารที่ใช้ร่วมกับคณะทันตแพทยศาสตร์ ซึ่งทางวิทยาลัยแพทยศาสตร์ได้พื้นที่ในส่วนด้านตะวันออก อาคารนี้สร้างเสร็จเมื่อปลายปีการศึกษา 2550 และพร้อมใช้งานได้ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2551 ที่จะถึงนี้ ซึ่งทางวิทยาลัยแพทยศาสตร์วางแผนที่จะเปิดสำนักงานถาวรของวิทยาลัยฯ ในอาคารนี้ และนอกจากนี้จะมีห้องไว้สำหรับอ่านหนังสือ, ประชุม, สืบค้นข้อมูล และอื่นๆ สำหรับนักศึกษาแพทย์
สถานที่ภายในโรงพยาบาลราชวิถี[แก้]
สถาบันร่วมผลิตแพทย์ กรมการแพทย์-มหาวิทยาลัยรังสิต
อาคารสถาบันร่วมผลิตแพทย์ฯ หรือ อาคารประสิทธิ์ อุไรรัตน์ เป็นสถานที่ของสถาบันร่วมผลิตแพทย์ฯ ไม่ได้ถือเป็นสถานที่ของวิทยาลัยแพทยศาสตร์โดยตรง แต่สร้างโดยงบประมาณของมหาวิทยาลัยรังสิต ที่มอบเป็นทุนประเดิมให้แก่ มูลนิธิสถาบันร่วมผลิตแพทย์ กรมการแพทย์-มหาวิทยาลัยรังสิตเพื่อเป็นศูนย์กลางในการจัดการเรียนการสอน และประสานงานระหว่างกรมการแพทย์และมหาวิทยาลัยรังสิตเพื่อพัฒนาคุณภาพนักศึกษาแพทย์ ในระยะยาวที่ส่งเข้ามาเรียนในความรับผิดชอบของสถาบันร่วมผลิตแพทย์ฯ ปัจจุบันตั้งอยู่ภายในเขต โรงพยาบาลราชวิถีบริเวณด้านฝั่งถนนพญาไท ติดกับทางด้านสถานีรถไฟฟ้าBTS สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีลักษณะโครงสร้างเป็นอาคารสูง 6 ชั้น หลังก่อสร้างเสร็จคุณพ่อประสิทธิ์ อุไรรัตน์ ได้มอบ พระพุทธรูปปางป่าเรไรประทานพร ประดิษฐานเป็นศูนย์รวมจิตใจของนักศึกษาแพทย์ ที่โถงชั้นล่างของอาคาร และแต่ละชั้นแบ่งพื้นที่การใช้สอยโดยโดยแบ่งดังนี้
ชั้นที่ 1 เป็นห้องเรียนภาคบรรยาย จำนวน 3 ห้องเรียน และมีห้องเรียนภาคปฏิบัติ "ห้องปฏิบัติการ ศ.นพ.ประสงค์ ตู้จินดา"จำนวน 1 ห้อง และร้านถ่ายเอกสาร
ชั้นที 2 เป็นสำนักงานของสถาบันร่วมผลิตแพทย์ฯ,สำนักงานคณบดี และห้องประชุมย่อย จำนวน 1 ห้อง
ชั้นที่ 3 เป็นสำนักงานวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต, ห้องสมุดสถาบันร่วมฯ และห้องประชุมอาทิตย์ อุไรรัตน์ เป็นห้องประชุมพื้นยกระดับขนาดใหญ่ เพื่อใช้ในการเรียนการสอน การประชุมต่างๆ ของสถาบันร่วมผลิตแพทย์ฯ
ชั้นที่ 4 เป็นห้องประชุมสโมสรนักศึกษาแพทย์, ห้องบรรยายขนาดเล็ก, ห้องพักผ่อน, เครื่องออกกำลังกาย และกั้นพื้นที่เป็นหอพักหญิง
ชั้นที่ 5 เป็นบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ ห้องอ่านหนังสือ และหอพักชาย
ชั้นที่ 6 เป็นหอพักหญิง
สถาบันร่วมผลิตแพทย์ กรมการแพทย์-มหาวิทยาลัยรังสิต[แก้]
ประวัติการจัดตั้ง [5] วิทยาลัยรังสิต มีหนังสือที่ วรส 595/2531 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2531 ถึงทบวงมหาวิทยาลัย ขออนุญาตเปิดดำเนินการหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต และได้มีหนังสือที่ วรส. 216/2531 ลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2531 ถึงสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ขอความร่วมมือ ให้นักศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ เข้าฝึกปฏิบัติงาน ณ โรงพยาบาลเด็ก (ปัจจุบันเป็น สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี) โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลชุมชน และสถานีอนามัยต่างๆ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาอนุมัติในหลักการให้สถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ฝึกปฏิบัติงาน สำหรับนักศึกษาวิทยาศาสตร์สุขภาพได้ สำหรับโรงพยาบาลเด็ก และโรงพยาบาลราชวิถี นั้น สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ขอความร่วมมือไปยังกรมการแพทย์ ในการอนุมัติสถานที่ดังกล่าวแล้ว โดยแจ้งให้มหาวิทยาลัยรังสิตทราบ ตามหนังสือ ที่ สธ 0212/4 - 4/636 เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2531 ทบวงมหาวิทยาลัยอนุมัติให้วิทยาลัยรังสิต (ต่อมาได้รับการเปลี่ยนประเภทเป็นมหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2533) เปิดดำเนินการหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ในปีการศึกษา 2532 ต่อมา สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มีหนังสือถึงมหาวิทยาลัยรังสิต ที่ สธ 0301/5339 ลงวันที่ 6 ธันวาคม 2532 แจ้งให้ทราบโดยสรุปว่า
1.ควรให้โรงพยาบาลราชวิถีและโรงพยาบาลเด็ก (ปัจจุบันเป็น สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี) เป็นสถานที่สมทบในการศึกษาของมหาวิทยาลัยรังสิต
2.โรงพยาบาลทั้งสองของกรมการแพทย์ มีความสามารถเฉพาะในการให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงานทางคลินิกของนักศึกษา
3.กรมการแพทย์ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ ให้ข้าราชการของกรมการแพทย์ ไปบรรยายนอกสถานที่ให้แก่ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ ตามมติของคณะรัฐมนตรี ที่ สร 0201/ว 144 ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2518 โดยจะอนุญาตให้ข้าราชการไปสอนพิเศษในมหาวิทยาลัยเอกชนในเวชาราชการได้ไม่เกิน 4 ชั่วโมงสอนต่อสัปดาห์
4.กรมการแพทย์ได้มีหนังสือที่ สธ 0305/8385 ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2534 ถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี มอบหมายให้โรงพยาบาลราชวิถี ให้ความร่วมมือในการฝึกอบรมนักศึกษาแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดไว้ในหนังสือทั้งสองฉบับดังกล่าว
เมื่อแรกเริ่มมีการเรียนในภาคคลินิกในปี พ.ศ. 2535 ได้มีการประชุมเพื่อแก้ปัญหาในการจัดการเรียนการสอนในภาคคลินิก และจัดประชุมแพทยศาสตร์ศึกษาแห่งประเทศไทยขึ้น ซึ่งในสมัยนั้น มี นพ.ไพโรจน์ นิงสานนท์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.สุจินต์ ผลากรกุล อธิบดีกรมการแพทย์ ได้มีแนวคิดในการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อจัดการประสานความมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการผลิตแพทย์ตามรูปแบบแนวคิดการผลิตแพทย์ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นโรงเรียนแพทย์เอกชนที่ร่วมมือในการผลิตแพทย์กับภาครัฐ และได้มีการประชุมประสานงานอีกหลายครั้ง จนกระทั่งปี พ.ศ. 2536 กรมการแพทย์และกระทรวงสาธารณสุขมีมติเห็นชอบให้มีการจัดตั้ง สถาบันร่วมผลิตแพทย์ กรมการแพทย์-มหาวิทยาลัยรังสิต ในขณะนั้น ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (พ.ศ. 2536-2538) และได้มีการร่วมลงนามในข้อตกลงการร่วมผลิตแพทย์ระหว่างกรมการแพทย์ (โดย พล.รต.ศ.นพ.วิทุร แสงสิงแก้ว อธิบดีกรมการแพทย์ในสมัยนั้น) กับมหาวิทยาลัยรังสิต (โดยนายประสิทธิ์ อุไรรัตน์ นายกสภามหาวิทยาลัยรังสิต และผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยเป็นผู้ลงนาม) เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2537 ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาและเปิดดำเนินนการเรียนกการสอนในภาคคลินิกได้อย่างสมบูรณ์และผลิตแพทย์เอกชน ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพจากอาจารย์ของกรมการแพทย์
ด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการร่วมกันระหว่างกรมการแพทย์ และมหาวิทยาลัยรังสิต จัดตั้งเป็นสถาบันร่วมผลิตแพทย์ กรมการแพทย์-มหาวิทยาลัยรังสิต โดยโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ซึ่งสังกัดกรมการแพทย์ จึงเป็นสถานที่เรียนในภาคทฤษฎีและหัตถการต่างๆ ในภาคคลินิก พร้อมทั้งอาจารย์แพทย์ของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่งจำนวนกว่า 258 ท่าน ได้อุทิศทุ่มเทกำลังเป็นหลักในการสอนนักศึกษาแพทย์จากมหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะที่บุคลากรของกรมการแพทย์ด้วยใจและจิตวิญญาณของความเป็นอาจารย์แพทย์ นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลอีก 4 แห่ง ที่ร่วมเป็นสถานที่ฝึกภาคสนามเฉพาะของนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 6 (extern) ในต่างจังหวัด พร้อมทั้งมีอาจารย์แพทย์คอยถ่ายทอดความรู้ให้กับนักศึกษาแพทย์ด้วยประสบการตรง ชึ่งจะเวียนออกฝึกภาคสนามเป็นผลัด ผลัดละ 2 เดือน ในปีการศึกษาสุดท้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น